อ้อยหวานๆ นั้นสำคัญไฉน
บล็อก
ความหวานจากต้นอ้อย ถ้าได้ชิมความหวานจากต้นอ้อยคงรับรู้ได้ถึงรสอร่อยหวานธรรมชาติ น้ำหวานจากต้นอ้อยเป็นเครื่องดื่มที่ฉ่ำอุราที่ไม่ใช่แค่กับคนนะแต่เป็นกับช้างด้วย
ถ้าเรียกว่าเป็นขนมจานโปรดได้ ก็ถือว่าต้นอ้อยเป็นอีกหนึ่งที่เหล่าบรรดาช้างจะโหยหา ช้างสามารถกินอ้อยได้ทุกวัย เริ่มตั้งแต่ช้างวัยเด็กอายุ 2 ปีครึ่งไปจนถึง 5 ปีปริมาณก็เล็กๆ ไม่เกิน 10 กิโลกรัมตต่อวัน แต่เมื่อช้างอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปจะกินอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลกรัม
“ถ้ากินเยอะกว่านี้จะไปทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ทำให้ช้างท้องอืด ก็เหมือนกับคนแหละครับ กินเยอะเกินไปก็ท้องอืด” พี่ชเร สังข์ขาว เจ้าของปางช้างเป็นมิตรต่อช้างจาก Following Giants บอกกับเรามาแบบนี้
อ้าว แล้วอ้อยมันจำเป็นต้องช้างไหม นั่นคือคำถามจากเรา
แน่นอนว่า อ้อยจำเป็นต่อช้างแน่นอน เพราะอ้อยจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มน้ำตาลในเลือด ช้างส่วนใหญ่ใน Following Giants จะใช้พลังงานในแต่ละวันด้วยการเดิน และเดินเยอะมาก เดินเสร็จก็กิน กินเสร็จก็เดินสำรวจพื้นที่เล็งแหล่งหญ้ากำลังงอกใหม่ และก็กลับมากินต่อ กินที่ว่านี่ก็จะเป็นแหล่งใบไม้ต้นอ่อน การกินต้นอ้อยก็ถือเป็นการเพิ่มพลังงานให้พวกมันไปในตัว
อีกหนึ่งเรื่องที่ช่วยช้างได้ก็คือหากช้างไม่สบายจากอาการท้องเสียที่มีสาเหตุมาจากพยาธิ การกินอ้อยก็จะทำให้พวกมันกินหญ้าดี เพื่อเพิ่มกำลังและกากของชานอ้อยทำให้ช้างมีใยอาหารอยู่ในท้องช่วยบรรเทาท้องเสียได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนอกจากความหวานและความอร่อยจากต้นอ้อยแล้ว ประโยชน์ทางด้านรักษาจึงเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่ช้างควรจะต้องได้กินอ้อยเป็นประจำ
พี่ชเรจึงย้ำหนักหนาว่าอ้อย (ตำละเอียด) ผสมมะขามเปียกกล้วยน้ำว้าและเกลือเม็ดทำเป็นก้อนช้างได้กลิ่นอ้อยจะกินทันที แต่ตัวยาที่สำคัญคือมะขามเปียกกล้วยน้ำว้าและเกลือเม็ด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีติดปางช้าง โดยเฉพาะเวลาถ้าช้างท้องอืดเมื่อไหร่ต้องรีบทำทันเพื่อให้ลมในท้องของมันออกมาเพื่อเป็นการระบาย และจะช่วยทำให้อาการไม่หนักจนเกินไป หากไม่รีบทำช้างก็จะเจ็บป่วยและล้มได้
อีกวิธีที่พี่ชเรบอกคือ “อาจจะต้องล้วงขี้ช้างด้วยมือในก้นของช้างเพื่อเอาขี้ช้างออกมาซึ่งเป็นสาเหตุที่ช้างถ่ายไม่ออก” เรียกแบบบ้านก็คือสวนทวารนั่นเอง
เมื่อมีการปลูกต้นอ้อยแล้ว ก็จะเป็นลาภปากให้กับเหล่าบรรดาช้างทั้งหลาย แต่เป็นทุกข์ลาภให้กับคนปลูก เพราะระยะเวลาการปลูกอ้อยจะใช้เวลาประมาณสองปี ถึงจะเริ่มกินได้ แต่น้องช้างใช้เวลาในการฟาดต้นอ้อยกอใหญ่ ๆ หนึ่งกอเพียง 10 นาทีกว่าๆ เท่านั้น
ดังนั้นในเมื่อปลูกต้นอ้อยไม่ทันต่อความต้องการของน้องช้าง ก็จะเป็นต้องซื้ออ้อยมาให้พวกมันกินกัน สนนราคาต้นอ้อยจะตกกิโลกรัมละ 9 บาท ขั้นต่ำต้องซื้อประมาณ 1,000 กิโลกรัม เพื่อจะให้รถมาส่งถึงพื้นที่ในเกาะลันตาได้ แต่ถ้าหากขาดของหวานอันโอชะก็สามารถทดแทนได้ด้วย กล้วยน้ำว้าสุก สับปะรด แตงโม หรือหญ้าเนเปียร์ (Elephant Grass Tree) ก็พอที่จะกล้อมแกล้มให้กับคุณน้องช้างทั้งหลายได้บ้าง
แต่กระนั้นก็ตามพี่ชเรแอบบ่นว่า ต่อให้ปลูกอ้อยมากแค่ไหน ช้างในปางก็ฉลาดมากเพราะพวกมันสามารถตามกลิ่นของต้นอ้อยได้ เมื่อไหร่ที่เจอและกินจนหมด พื้นที่แห่งนั้นก็จะเป็นกลายเป็นพื้นที่ขาประจำกับเหล่าบรรดาน้องช้างทั้งหลาย ทำให้การปลูกต้นอ้อยของพี่ชเรไม่เคยสำเร็จสักที
ในตอนนี้ด้วยเหตุการณ์โรคระบาดโควิดทำให้พี่ชเรต้องขาดรายได้ เพราะนักท่องเที่ยวหดหายและเงินที่จะไปซื้ออ้อยก็จำต้องขาดไปได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อเหล่าบรรดาน้องช้างทั้งหลายก็จะมี ต้นอ้อย 9,000 บาทต่อเดือน. สับปะรด 5000 บาทต่อเดือน กล้วย 9000 บาทต่อเดือน และมะขามเปียก 4,000 บาทต่อเดือน ซึ่งส่วนนี้ไว้ทำเป็นยาสมุนไพร)
สิ่งเหล่านี้ยังคงขาดการช่วยเหลือซึ่งท่านสามารถร่วมสนับสนุนไปยังปางช้างโดยตรงที่
🐘 Following Giants ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเกาะลันตา (กระบี่) เลขที่บัญชี 797-237327-2 ชื่อบัญชี Eco Tourism Recreation Following Giants Sanctuary โดยนายชเร สังข์ขาว www.followinggiants.net
🐘 ChangChill ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 430-062529-5 ชื่อบัญชี ช้างชิล โดย ห้างหุ้นส่วนแฮปปี้อีเลเฟนท์แคร์ หรือที่ http://changchill.com/donation/