คนรักช้างหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าการไปท่องเที่ยวตามปางช้างทั่วไป ส่วนใหญ่มักเป็นการสนับสนุนความโหดร้ายทารุณต่อช้างทั้งทางตรงและทางอ้อมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ปัญหากระบวนการฝึกที่รุนแรง สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ ไปจนถึงการที่ช้างถูกบังคับให้แสดงพฤติกรรมผิดธรรมชาติเพื่อความบันเทิงของนักท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย
นี่คือเหตุผลหลักที่ ‘องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก’ รณรงค์อย่างต่อเนื่อง เชิญชวนให้คนไทยและชาวต่างชาติดูช้างในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติหรือเลือกท่องเที่ยวเฉพาะ ‘ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง’ ซึ่งให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพช้างเป็นสำคัญ ไม่มีกิจกรรมขี่ช้าง โชว์ช้าง ช้างได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตและแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ
ปัจจุบัน ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างมีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศไทย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ แล้ว ‘มูลนิธิสมบูรณ์เลกาซี่’ คงจะเป็นหนึ่งในที่ที่น่าสนใจที่สุด ด้วยทำเลที่อยู่ใน อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี สามารถขับรถจากกรุงเทพฯ ไปได้ในระยะเวลาปาระมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือจะทำเป็นวันเดย์ทริปก็ยังได้ แถมปางช้างตั้งอยู่ในพื้นที่รีสอร์ทขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถพักในนั้นได้เลย
มูลนิธิสมบูรณ์เลกาซี่ก่อตั้งโดยคุณกุลศักดิ์ โชติยะปุตตะ คนรักสัตว์ผู้มีชื่อเสียงในจังหวัดกาญจนบุรี มีจุดประสงค์เพื่อการดูแลช้างชราหรือช้างพิการ และเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของช้างตามธรรมชาติ ที่นี่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘Hands-off Sanctuary’ หรือศูนย์พักพิงช้างที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสัมผัสช้างโดยตรงหรือเข้าใกล้กับช้างมากเกินไป เพื่อให้ช้างได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติจริงๆ
สมบูรณ์เลกาซี่เป็นชื่อที่ตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ ‘สมบูรณ์’ หนึ่งในช้างของมูลนิธิที่เสียชีวิตกะทันหันเมื่อปี 2559 ปัจจุบันที่นี่ดูแลช้าง 2 ชีวิต ได้แก่ ‘คำมูน’ อดีตช้างขอทานเพศเมียวัยประมาณ 60 ปี นักกินประจำปาง และ ‘มาลี’ ช้างเพศเมียวัยใกล้เคียงกันที่บาดเจ็บจากการลากซุงที่ขาหลังซ้าย ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วนัก หลายครั้งต้องอาศัยคำมูนให้ช่วยพยุง
เวลาประมาณบ่าย 3 โมงของทุกวัน ทั้งมาลีและคำมูนจะออกมาอาบน้ำบริเวณริมแม่น้ำแควน้อย ซึ่งเป็นอีกจุดไฮไลท์สำคัญของสมบูรณณ์เลกาซี่ เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เห็นช้างอาบน้ำตามธรรมชาติ ไร้การรบกวนจากนักท่องเที่ยวแล้ว กิจกรรมนี้ยังมีแม่น้ำแควน้อยไหลเย็น แนวป่าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา และเทือกเขาตะนาวศรีเป็นฉากหลัง เหมาะกับการพักสายตาและถ่ายรูปอย่างมาก
ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโควิด-19 สมบูรณ์เลกาซี่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวและอาสาสมัครต่างชาติ หลายคนสมัครมาเรียนรู้และช่วยงานที่ปางช้าง แต่หลังจากการจำกัดการเดินทางทั่วโลก ทำให้สถานที่แห่งนี้เงียบเหงาลงไปอย่างมาก เช่นเดียวกับรายได้ที่ลดลง การดูแลช้างที่มีอยู่ได้อย่างเหมาะสมจึงท้าทายขึ้นทุกวัน
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกเล็งเห็นปัญหาตรงนี้ เราจึงให้เงินสนับสนุนรายเดือนแก่สมบูรณ์เลกาซี่ รวมถึงปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างทั่วประเทศไทย ตั้งแต่เดือนปี 2563 เป็นต้นมา เพื่อให้ช้างกว่า 70 ชีวิตได้รับการดูแลอย่างดีต่อไป และเพื่อให้ปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้างเหล่านี้อยู่รอด กลายเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวในอนาคต ทั้งหมดนี้ต้องใช้งบประมาณราว 20 ล้านบาทต่อปี
อีกช่องทางที่คนรักช้างและนักท่องเที่ยวชาวไทยจะช่วยเหลือได้ ก็คือการแวะเข้าไปเยี่ยมชมมูลนิธิสมบูรณ์เลกาซี่และเรียนรู้ชีวิตของมาลีกับคำมูนด้วยตัวคุณเอง เรารับประกันได้เลยว่าแม้คุณจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสช้างโดยตรง แต่ประสบการณ์จากการได้สังเกตการณ์และซึมซับความสุขของช้างที่ได้ใช้ชีวิตอิสระมันคุ้มค่าและมีคุณค่ากว่าความบันเทิงฉาบฉวยในปางช้างทั่วไปมากๆ