สำรวจนิยามรักของ “ตงศิริฟาร์ม” แนวคิดเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ใช้หัวใจนำทาง
ข่าว
“ตงศิริฟาร์ม เกิดขึ้นจากความรัก และทำทุกอย่างด้วยใจ วิถีชีวิตทุกวันที่นี่ จึงเริ่มต้น เมื่อตะวันขึ้น และจบลงเมื่อตะวันลาลับ เหมือนการใช้ชีวิตอยู่แบบคนกำลังตกหลุมรักตลอดเวลา” นิยามรักของ นัท-อุกฤษณ์ อภิวัฒนานนท์ และ หม่อน-พุธิตา รัตนกถิกานนท์ คู่รักแห่ง “ตงศิริฟาร์ม” ที่ใช้หัวใจนำทางในการทำฟาร์มแนวเกษตรอินทรีย์ที่กล้าการันตีว่า ผลผลิตของที่นี่ปลอดสารเคมีร้อยเปอร์เซ็นต์!!
“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” จุดประกายความคิดการทำฟาร์ม
“ตงศิริฟาร์ม” ชื่ออันเป็นสิริมงคลที่ตั้งมาจากชื่อคุณพ่อของคุณนัท คือ “ตง” ผนวกกับชื่อของคุณแม่ “ศิริวรรณา” โดยคุณหม่อน คู่ชีวิตของคุณนัท เป็นผู้ถ่ายทอดถึงจุดเริ่มต้นของฟาร์มแห่งนี้ว่า เกิดขึ้นเมื่อครั้งสามีไปเรียนต่อที่ประเทศจีน แล้วอยากจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ความคิดแรกที่ผุดขึ้นเวลานั้นคือ อยากนำสินค้าจากจีนมาขายในเมืองไทย แต่ด้วยตลาดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง และแทบไม่มีเวทีให้กับพ่อค้าหน้าใหม่ เขาจึงล้มเลิกความคิดและหันกลับมามองว่า เมืองไทยมีจุดเด่นด้านเกษตรกรรม และมีความอุดมสมบูรณ์ คำว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ไม่ใช่เรื่องเกินจริง คุณนัทจึงจุดประกายที่จะทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ แม้จะไม่มีพื้นฐานด้านนี้เลยก็ตาม
อดีตนายหน้าซื้อขายสัญญาล่วงหน้าทองคำในตลาดหลักทรัพย์ (Gold Future) ซึ่งจบปริญญาตรี สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าสู่เป้าหมายอย่างจริงจัง โดยหลังกลับจากประเทศจีน เขามุ่งหน้าหาความรู้ด้วยการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน พร้อมกับซื้อที่ดิน 30 ไร่ ใน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เพื่อเริ่มต้นปลูกข้าวทำนาในปี 2559
“ตอนนั้นเรื่องออร์แกนิค ยังไม่ได้ดังมาก เราคิดแค่ว่า ในเมื่อเราปลูกข้าวกินเอง ทำไมต้องใช้เคมี เราไม่ได้ต้องการข้าวที่เม็ดสวย หรือผลผลิตที่เยอะ ขอแค่ปลอดภัย เราทำทุกอย่างเอง เราจึงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง”
คุณหม่อน เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของการปลูกข้าวปลอดสารพิษเพื่อเก็บเกี่ยวไว้กินเอง และแบ่งปันเพื่อนบ้าน รวมถึงคนรอบตัวโดยยังไม่คิดที่จะขายจริงจัง
Happy Eggs from Happy Hens
จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ คุณนัทและคุณหม่อน เริ่มขยายธุรกิจด้วยการนำเป็ดไข่มาเลี้ยงจำนวนหนึ่ง แต่ความที่ไม่ชอบกินไข่เป็ด จึงนำไก่ไข่มาเลี้ยงโดยเริ่มต้นจาก 200 ตัว สร้างโรงเรือนที่พักอาศัยให้ไก่อยู่อย่างไม่แออัดและดูแลเอาใจใส่อาหารการกิน ที่สำคัญการเลี้ยงแบบอิสระ ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพออกจำหน่ายภายใต้แนวคิด “ไข่ปลอดเคมีจากแม่ไก่อารมณ์ดี”
คุณหม่อน เล่าต่อว่า แม่ไก่จากตงศิริฟาร์ม จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี อาหารการกินทุกอย่างเป็นวัตถุดิบคุณภาพและปลูกด้วยวิธีธรรมชาติปราศจากสารเคมี ได้แก่ รำ, กากถั่วเหลือง, ถั่วอบ, ข้าวโพด และเปลือกหอย คลุกเคล้าด้วยน้ำมันถั่วเหลือง และเกลือไอโอดีน คุณภาพมาตรฐานคนกิน จึงทำให้ไข่ที่ได้ มีรสชาติอร่อย หอม หวาน โดยเฉพาะการเก็บไข่ส่งถึงมือลูกค้าไม่เกิน 3 วัน จากวันที่แม่ไก่ออกไข่ ช่วยทำให้ไข่คงความสดใหม่และคงคุณค่าทางสารอาหารดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีอาหารเสริมประเภทผลไม้ที่ปลูกในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็น มะละกอ กล้วย ใบเตยสับ หรือ หยวกกล้วยสับละเอียด ตลอดจนสมุนไพรอย่างฟ้าทะลายโจร และตะไคร้ ผสมในอาหารในช่วงที่ฝนตกหรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
เลี้ยงไก่แบบปล่อยอย่างเป็นอิสระ
สำหรับไข่ไก่ที่นี่ถูกผลิตจากแม่ไก่อารมณ์ดีที่เลี้ยงแบบปล่อย ไม่ถูกกักขังไว้ในกรง เลี้ยงดูโดยอ้างอิงให้ใกล้เคียงกับวิถีธรรมชาติที่สุด ยึดตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) แม่ไก่จึงสามารถเดินเล่นพบปะเพื่อนฝูง ล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้ง คลุกเคล้าดิน และหญ้า คุ้ยเขี่ยหาอาหารตามธรรมชาติได้
“อย่างถ้าเราเข้าไปในเล้าแล้วรู้สึกร้อน อับชื้นไม่สบายตัว ไม่ว่าจะไก่ หรือ เป็ด เขาก็จะเป็นเหมือนกัน แต่ถ้าเรารู้สึกโอเค สะอาด น่าอยู่ เขาก็อยู่ได้ ที่ฟาร์มเราจะเปลี่ยนแกลบทุกเดือน เพราะเราต้องใช้ปุ๋ยจากขี้ไก่อยู่แล้ว เราก็จะเปลี่ยนเอาแกลบใหม่มาให้เขา หรือช่วงนี้ที่เป็นหน้าฝน ก็พยายามดูแลสุขลักษณะให้ดี ไม่งั้นเขาจะป่วย ไม่สบายได้ ซึ่งบางครั้งก็ต้องคอยฟังเสียงว่า เขามีอาการไอ หรืออะไรไหม ถ้าเป็นหวัดหรือถ้าตัวไหนป่วยเราก็จะแยกออกมา
เพราะพอเกิดปัญหามันจะแก้ยากมาก บางครั้งเขาโดนยุงกัด หงอนบวม ถ้าเรารู้ช้า เขาก็จะติดกันเร็วมาก เนื่องจากเราจะไม่ได้ฉีดยาปฏิชีวนะอะไรให้เขาเลย เราเลี้ยงแบบธรรมชาติมากๆ ให้เขาสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง ทำให้เขาแข็งแรงมาก ถ้าเราสังเกตและแก้ปัญหาตั้งแต่แรกๆ เขาจะไม่เป็นอะไรเลย เขามีพื้นที่ในการเดิน ก็จะสามารถขยับปีก เอาตัวคลุกฝุ่น คลุกแกลบ กางปีก เขาจะจัดการตัวเองได้”
คุณหม่อนเล่าประสบการณ์การดูแลรักษาสัตว์ในฟาร์มที่ต้องเอาใจใส่อยู่เสมอ
มีความสุขเต็มที่แม้จะต้องกลายเป็นอาหาร
แม้ตงศิริฟาร์มจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไข่ไก่เป็นหลัก แต่ในฐานะเกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่มากกว่า 800 ตัว
คุณหม่อน ย้ำว่าเธอให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์อย่างมาก ถึงจะรู้ดีว่า วันหนึ่งมันจะต้องกลายเป็นอาหารก็ตาม
“ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ หม่อนอยากให้เขาใช้ชีวิตได้เต็มที่ มีความสุข อย่างไก่ตัวหนึ่ง เรารู้อยู่แล้วว่า อีก
4-5 เดือน เขาต้องจบชีวิต เราอยากให้ช่วงเวลานั้น เขาได้กินอิ่ม นอนหลับ ไม่ต้องทรมาน หรือต้องมาอยู่ที่แคบๆ แออัด โดนเพื่อนจิก คนที่เขาต้องเอาไปแปรรูป เขาก็คงมีวิธีการจัดการให้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่ให้ทรมาน แต่การที่เขาอยู่แล้วเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น เขาควรต้องโอเค”
อดีตมาร์เก็ตเตอร์ (Marketer) ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรเต็มตัวเพื่อช่วยสามี กล่าว พร้อมยกตัวอย่างประสบการณ์การเลี้ยงไก่ที่ฟาร์มของเธอต่อว่า
“อย่างไก่ที่ฟาร์ม ช่วงหน้าร้อนเราก็จะเอาน้ำแข็งใส่ถัง วางไว้ให้เขากินเย็นๆ นิดนึง เพราะเวลาอากาศร้อนมากๆ เขาจะอ้าปาก หายใจทางปาก เราก็รู้เลย เรียกว่าต้องสังเกตพฤติกรรมเป็นหลัก ในเมื่อเราคาดหวังว่าจะได้ไข่จากเขา เราก็ต้องดูแลเขาให้ดีๆ”
มั่นใจและตอบลูกค้าได้ว่า “ปลอดภัย”
เพราะผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ผนวกกับความซื่อสัตย์ และความจริงใจต่อลูกค้า “ตงศิริฟาร์ม” จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าประจำทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โดยปัจจุบันมีผลผลิตที่จำหน่ายผ่านทั้งหน้าฟาร์ม และช่องทางออนไลน์หลายรายการ อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ ผักสลัด ผักสวนครัว เนื้อไก่ และเนื้อหมูปลอดสารพิษที่รับมาจากเครือข่ายเกษตรอินทรีย์หลายราย จึงถือเป็นการช่วยกระจายสินค้าคุณภาพให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
“เราต้องมั่นใจว่า อะไรที่เรารับมา ปลอดภัย แล้วตอบลูกค้าได้เต็มปากว่า ทุกอย่างที่เราขาย เรากินเอง เรามั่นใจแล้วว่าดีจริงๆ”
คุณหม่อน การันตีถึงมาตรฐานของสินค้าที่นำมาจำหน่ายไม่ว่าจะมาจากตงศิริฟาร์ม หรือจากฟาร์มเครือข่าย
ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของฟาร์มนั้น ได้แก่คุณพ่อคุณแม่ที่ทำอาหารให้ลูกกิน และคนที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพเป็นหลัก
“เราไม่ได้ขายดีแบบถล่มทลาย แต่ก็มีลูกค้าซื้อเรื่อยๆ โดยเฉพาะไข่ไก่ ที่เป็นลูกค้าร้านอาหารญี่ปุ่นถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์ เพราะรสชาติของไข่ที่ไม่คาว สามารถกินสดได้เลย ส่วนเนื้อสัตว์ ประเภท หมูสับ ไก่สับ น่องไก่ ก่อนหน้านี้ หม่อนไม่ได้ขายไก่ที่ชำแหละเป็นชิ้นเลย จะขายไก่เป็นตัว ซึ่งเราก็จะช่วยสื่อสารกับลูกค้าว่า ไก่เป็นตัวมันดีกว่าที่จะมาชำแหละ และเราจะบอกเลยว่าไก่รับมาจากแทนคุณฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มที่เกษตรกรทำเอง หรืออย่างเนื้อหมู ก็รับมาจากฟาร์มหมูหลุมที่เลี้ยงแบบเกษตรอินทรีย์ จ.ราชบุรี ลูกค้าก็จะซื้อตามที่เราแนะนำ เพราะเขารู้ว่า คุณภาพสินค้า ความปลอดภัย แหล่งที่มาเชื่อถือได้ เขาก็จะเลือกลงทุนกับสิ่งเหล่านี้”
ทำเกษตรแบบยั่งยืน
ปัจจุบัน ตงศิริฟาร์ม ทำเกษตรแบบผสมผสาน แบ่งพื้นที่สำหรับ ทำนา เลี้ยงไก่ และทำสวน โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงและตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก นอกจากนี้ยังต่อยอดธุรกิจด้วยการเปิด “ติดดิน คาเฟ่” คาเฟ่แนวรักษ์โลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมท่ามกลางธรรมชาติ โดยจัดสรรพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เพื่อหวังให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเกิดแรงบันดาลใจในการทำเกษตรแบบยั่งยืน
“การทำเกษตรมันมั่นคงและยั่งยืนนะ แต่อาจจะไม่ทำให้เรารวย ถ้าอยากรวยก็ต้องไปทำอาชีพอื่นที่ทำให้มีกำไรจริงๆ ที่หม่อนทำตรงนี้ เพราะเราอยากให้คนหลายๆ กลุ่มเข้าถึงในของๆ เรา ได้กินของๆ เรา แล้วบอกต่อ สำหรับตงศิริฟาร์ม หม่อนจะไม่ใช้คำว่า ออร์แกนิค เนื่องจากเราเองไม่ได้ขอตรารับรองออร์แกนิค เราไม่อยากหลอกลูกค้า แต่อยากให้ลูกค้ามั่นใจว่าเราเป็นยังไง”
ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งคุณนัทและคุณหม่อน ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคและปัญหามาไม่น้อย แต่ทั้งสองก็ยอมรับว่า “มีความสุข และอยู่ได้”
โชคดีที่ตงศิริฟาร์มอยู่ได้ เพราะทำการตลาดเองได้ผ่านช่องทาง Facebook Fanpage : ตงศิริฟาร์ม และ @Line แต่สำหรับเกษตรกรบางรายที่ยังไม่รู้จักวิธีการทำตลาดผ่านออนไลน์ หรือไม่มีคนยื่นมือเข้าไปช่วย เหลือย่อมไปต่อได้ยาก ในฐานะเกษตรกรรุ่นใหม่ คุณหม่อนจึงอยากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ถูกกลืนกินโดยนายทุนรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมาย หรือช่องทางการตลาด เพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพ ทั้งพืชผักปลอดสารพิษและเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์มที่เลี้ยงแบบส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ จะเป็นอาหารทางเลือกที่สามารถส่งตรงจากเกษตรกรไปยังผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงอย่างแท้จริง!!