อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ต้องมีจริยธรรมต่อสัตว์ป่ามากขึ้น
ข่าว
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกได้จัดทำรายงานการจัดอันดับบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของโลกถึงเรื่องความใส่ใจในสวัสดิภาพสัตว์ป่า
การท่องเที่ยวหลังยุคโควิด-19
เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ส่งสัญญาณว่าอาจจะดีขึ้น ตอนนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม มีจริยธรรมกว่าเดิม และยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ป่า
ในขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังมุ่งเน้นไปที่การฟื้นตัว และผู้คนทบทวนว่าพวกเขาจะเดินทางท่องเที่ยวในรูปแบบไหนในอนาคต สถานการณ์เช่นนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษาคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการใช้สัตว์ป่าเพื่อความบันเทิง โดยการเปลี่ยนอุปสงค์และอุปทานที่มีต่อสัตว์ป่าในกรงเลี้ยง เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบาดของทั้งสัตว์และคน
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างแท้จริงโดยยุติการกักขังและทารุณสัตว์ หยุดใช้สัตว์ป่าในกิจกรรมนันนาการ และร่วมสนับสนุนเป้าหมายในการทำให้สัตว์ป่าตามสถานที่ท่องเที่ยวในปัจจุบันเป็นรุ่นสุดท้ายที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อความบันเทิงของมนุษย์
ผู้คนทั่วโลกกำลังทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ป่า โดยหนึ่งในวิธีสำคัญที่เราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริงเมื่อกลับมาเดินทางได้อีกครั้ง ก็คือการค้นหาบริษัท สถานที่ท่องเที่ยว และทัวร์ที่เป็นมิตรต่อสัตว์ป่า เป็นประโยชน์ต่อทั้งคน สัตว์ โลกใบนี้ และที่สำคัญคือเป็นผลดีต่อความอยู่รอดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเองด้วย
เมื่อการท่องเที่ยวกลับมา ความโหดร้ายทารุณต้องจากไป
ทุกวันนี้ผู้คนกำลังคิดใหม่ว่าพวกเขาจะเดินทางท่องเที่ยวอย่างไรในช่วงวันหยุดตามแนวปฏิบัติแบบ New Normal หรือ ‘ความปกติแบบใหม่’ ที่เราต่างสัมผัสได้ว่าจะไม่มีอะไรกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป
การท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าก็เช่นกัน ที่ไม่ควรทำซ้ำรอยอดีต ผู้ที่ใส่ใจสวัสดิภาพสัตว์จึงต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อเรียกร้องและกดดันให้รูปแบบการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสัตว์ป่ากลายมาเป็น New Normal ให้ได้
รายงาน Tracking the Tourism Industry
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ร่วมกับมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ในสหราชอาณาจักร ได้วิจัยและจัดทำรายงาน Tracking the Tourism Industry ซึ่งเป็นการศึกษาชิ้นแรกที่ติดตาม วิเคราะห์ และประเมินคำมั่นสัญญาและนโยบายสาธารณะของบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ว่าบริษัทเเหล่านี้มีความตั้งใจในการดำเนินการเพื่อให้ชีวิตของสัตว์ป่าในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดีขี้นหรือไม่
งานวิจัยใหม่ของพวกเราชี้ให้เห็นถึงบริษัทท่องเที่ยวที่โดดเด่นเป็นผู้ชนะด้านสวัสดิภาพสัตว์ป่า โดยการร่วมปกป้องสัตว์ป่าที่ถูกใช้ในกิจกรรมการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน งานวิจัยนี้ก็ช่วยชี้ให้ให้เห็นว่าบริษัทใดบ้างที่ยังคงมีหลายจุดต้องปรับปรุงและพัฒนา
รายงานนี้เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับบริษัทท่องเที่ยว เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีเป้าหมายด้านการจัดการการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสัตว์ป่า โดยเราให้การยอมรับกับบริษัทที่ทำได้ดี แม้จะมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้บริษัทที่ยังอยู่ท้ายตารางให้เข้าร่วมขบวนการเพื่ออนาคตของสัตว์ป่าที่ดีขึ้นกับเรา
การประเมินบริษัทท่องเที่ยว
การจัดอันดับบริษัทท่องเที่ยวในรายงานฉบับนี้ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว และผู้สนับสนุนเห็นภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าของบริษัทท่องเที่ยวที่มุ่งมั่นดำเนินการด้านสวัสดิภาพสัตว์ รวมถึงสิ่งที่บริษัทควรทำเพิ่มเติม
ระเบียบวิธีที่ใช้จัดอันดับบริษัทท่องเที่ยวครอบคลุม 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. คำมั่นสัญญา (40%) การมีอยู่และคุณภาพของนโยบายด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ได้ประกาศต่อสาธารณะ และความสามารถในการนำนโยบายไปใช้กับแบรนด์ทั้งหมดของบริษัท
2. เป้าหมายและประสิทธิภาพการดำเนินงาน (20%)
การมีอยู่และขอบเขตของเป้าหมายและเวลาที่ประกาศ รวมถึงการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่ให้ไว้
3. การเปลี่ยนแปลงอุปทานของอุตสาหกรรม (20%)
การมีอยู่และคุณภาพของการมีส่วนร่วมกับห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมในภาพรวมเพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงไปสู่การมิตรกับสัตว์ป่า
4. การเปลี่ยนแปลงความต้องการของผู้บริโภค (20%)
การมีอยู่และคุณภาพของเนื้อหาและเครื่องมือด้านสวัสดิภาพสัตว์ในการให้การศึกษาที่สามารถช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรกับสัตว์ป่า
ความพยายามเพื่อปกป้องสัตว์ป่าในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความก้าวหน้าในเชิงบวก ดังจะเห็นว่ามีบริษัทถึง 5 แห่งที่ได้รับคะแนน "ดีมาก" หรือ "ดี" ในที่นี้มีบริษัทที่ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับนโยบายของบริษัทจากองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกรวมอยู่ด้วย
การเป็นมิตรกับสัตว์ป่านับเป็นการเดินทาง แม้กับบริษัทที่ได้คะแนนในภาพรวมว่า "ดีมาก" และ "ดี" ยังคงมีอีกหลายด้านที่ทางบริษัทยังสามารถทำให้ดีขึ้นได้เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือทางจริยธรรม
บริษัททั้ง 14 แห่ง ยังคงต้องทำงานเพื่อปรับปรุงด้านการให้คำมั่นสัญญาและการดำเนินการตามแนวปฏิบัติด้านสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้บริษัทในห่วงโซ่อุปทานมีการดำเนินงานที่เป็นไปตามมาตรฐานสำคัญ และเพื่อให้ลูกค้าของบริษัทได้มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนที่ปลอดภัย - ในขณะเดียวกันนี้ ทั้งหมดต้องไปเพื่อยกระดับการปกป้องสัตว์ป่าให้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูลที่น่าสนใจอื่นๆ
- การเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับสัตว์ป่าคาดว่าจะมีสัดส่วนมากถึง 20%-40% ของการท่องเที่ยวทั่วโลก[i]
- 85% ของนักท่องเที่ยวที่พวกเราสัมภาษณ์ภายใต้งานสำรวจระดับโลกปี 2562 เชื่อว่าผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแก่สัตว์ป่า
- 79% ของผู้ที่เคยพบเห็นการทารุณกรรมสัตว์ระบุว่าพวกเขายินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสัตว์
- นักท่องเที่ยว 64% ระบุว่าพวกเขาจะไม่ใช้บริการบริษัทจัดการการท่องเที่ยวหากทราบว่าบริษัทนั้นส่งเสริมการใช้สัตว์ป่าเพื่อความบันเทิง
- บริษัทที่ไม่ได้ดำเนินการเชิงรุกสู่การเป็นมิตรกับสัตว์ป่ามีแนวโน้มที่จะสูญเสียประโยชน์ทางธุรกิจและแบรนด์ตกอยู่ในความเสี่ยง
ข้อเรียกร้องต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก:
- กระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องเมื่อพร้อมเดินทางและพักผ่อนในวันหยุดอีกครั้ง โดยเลือกไม่สนับสนุนใช้การใช้สัตว์ป่าอย่างโหดร้ายเพื่อกิจกรรมนันทนาการ และมองหาบริษัทท่องเที่ยวที่นำเสนอทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสัตว์ป่า
- ช่วยให้ผู้คนเห็นว่าประสบการณ์ในวันหยุดและการถ่ายภาพเซลฟี่กับสัตว์ป่าคือเรื่องอันตราย อีกทั้งยังเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการทารุณสัตว์ และกระตุ้นให้เกิดการค้าสัตว์ป่าทั่วโลก
- ส่งเสริมให้บริษัทท่องเที่ยวกลายเป็นผู้นำอย่างแท้จริงในด้านสัตว์ป่า โดยการช่วยให้บริษัทพัฒนาความเชื่อมั่นทางจริยธรรม รวมถึงระบุและดำเนินการแก้ปัญหาเพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์ป่าจะได้รับสวัสดิภาพและการคุ้มครองที่ดี
- เน้นน้ำถึงความเสี่ยงที่แท้จริงของการเลี้ยงสัตว์ป่าเพื่อการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์เพื่อความอยู่รอดของสัตว์ป่า รวมถึงเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความรับผิดชอบและดำเนินการเพื่อยุติการแสวงหาประโยชน์จากสัตว์ป่า
ทำไมการเป็นมิตรต่อสัตว์ป่าจึงเป็นแนวทางแห่งอนาคต?
เสือ ช้าง โลมา เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของสัตว์ป่ามากมายที่ต้องทนทุกข์ทรมานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการนำสัตว์ป่ามาใช้เพื่อความบันเทิงของมนุษย์ อุตสาหกรรมนี้นับเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการค้าสัตว์ป่าทั่วโลก
การจับสัตว์มาจากป่า หรือการผสมพันธุ์ในกรงเลี้ยงจำนวนมาก อาจทำให้สัตว์ป่าเกิดความทรมานและสะสมความความเครียดอย่างมาก ในขณะที่การปฎิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสัตว์ป่ากับคนอาจนำไปสู่การแพร่ระบาดของความเจ็บป่วยและโรคระบาดอย่างโควิด-19 ได้ นี่คือความเป็นจริงที่พวกเราต่างตระหนักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในยุคนี้
ความต้องการของการท่องเที่ยวแบบ "ครั้งหนึ่งในชีวิต" กับสัตว์ป่าผลักดันให้เกิดการผลิตสินค้าจากสัตว์ป่าและเป็นตัวเร่งให้การค้าสัตว์ป่าทั่วโลกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ยังคงอยู่ต่อไป
การเติบโตของการท่องเที่ยวทั่วโลกได้ทำให้มีการค้าขายสัตว์ป่าหลายแสนตัวเพื่อนำมาใช้เพื่อความบันเทิง สัตว์เหล่านั้นมักถูกเฆี่ยนตี ล่ามโซ่ และทารุณกรรมด้วยรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้พวกมันต้องทุกข์ทรมานไปตลอตชีวิต
ในขณะที่ผู้คนมีมาตราเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างกัน นี่นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรณรงค์ว่าพวกเขาควรรักษาระยะห่างจากสัตว์ป่าเช่นกัน
ลงชื่อเรียกร้องกลุ่มประเทศ G20 ยุติการค้าสัตว์ป่าทั่วโลก
การค้าสัตว์ป่าทั่วโลกเป็นเรื่องที่โหดร้าย ไม่ยั่งยืน และทำให้สุขภาพของผู้คนและเศรษฐกิจของโลกตกอยู่ในความเสี่ยง - นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกออกมาเรียกร้องให้ผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ให้คำมั่นสัญญาว่ายุติการค้าสัตว์ป่าทั่วโลกตลอดไป
นักท่องเที่ยวมีความกังวลเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์เพิ่มมากขึ้นและเราจะยังคงเป็นกระบอกเสียงให้กับสัตว์ป่าต่อไปโดยเพิ่มแรงกดดันให้ บริษัท ท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ยั่งยืนโดยให้ความใส่ใจในสวัสดิภาพสัตว์ป่า